“ชวน”ยันรัฐบาล-ผู้ว่าฯกทม.ต่างพรรคทำงานร่วมกันได้


วันนี้( 8 ก.พ.)  ที่อาคารลุมพินีสถาน สวนลุมพินี พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำของพรรคร่วมเวทีปราศรัยจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีประชาชนที่มีความสนใจและผู้สนับสนุนพรรค ร่วมฟังการปราศรัยเต็มอาคาร
ทั้งนี้  นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีความห่วงใยและเอาใจช่วยในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งเหนื่อยมาก เพราะมีผู้ลงสมัครจำนวนมาก แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์ว่าได้คัดเลือกคนที่ดีที่สุด และมั่นใจในตัวของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และเลือกให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ทั้งนี้เคยมีคนมาเตือนตนว่าพรรคประชาธิปัตย์อย่าประมาท เพราะมีการออกคำสั่งบางอย่าง เช่น มีการสั่งโรงพักเป็นพิเศษ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้มีมูลแต่หวังว่าตำรวจที่ดีจะไม่ฟังสิ่งที่ไม่ดีและไม่ คุกคามให้คนไปลงคะแนนให้ใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนคำวิจารณ์ถึงการส่งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการที่เราเลือกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะเชื่อมั่นว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่โกง สำหรับที่มีการพูดว่าถ้าเลือกผู้สมัครในนามพรรคการเมือง จะมีความขัดแย้งกับรัฐบาล และจะทำให้การพัฒนาเป็นไปได้ยากนั้น ที่จริงแล้วอยู่ที่รัฐบาลเป็นของคนดีหรือของทรราช ถ้าเป็นคนดี เขาไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่ถ้าเป็นของทรราช เขาจะกลั่นแกล้ง เมื่อครั้งที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีผู้ว่าฯกทม.ที่ไม่ได้มาจากพรรคเดียวกัน ก็ไม่เคยมีปัญหาหรือการกลั่นแกล้ง
นายชวน กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าชาวกรุงเทพมหานครมีการศึกษา ซึ่งอยากให้ชาวกรุงเทพมหานครมีศักดิ์ศรี ไม่สยบต่อคนที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต นี่จึงเป็นคำตอบให้กับคนที่ยังลังเลใจ นอกจากนี้ คนที่เป็นผู้ว่าฯกทม.ได้รับเลือกมาจากประชาชน จึงไม่ควรคุกเข่าหรือยอมสยบให้กับผู้ที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ส่วนเรื่องของรอยต่อนั้นมีอยู่แล้วในทุกองค์กร เพราะต้องขอบเขตและการตรวจระหว่างกัน เช่น อำนาจอธิปไตยที่มีฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ซึ่งการใช้อำนาจแบบไม่มีรอยต่อสามารถสร้างปัญหาได้ เช่น กรณีที่ฝ่ายบริหารตัดสินใจผิดพลาด แต่ฝ่ายปฏิบัติไม่ทักท้วง สุดท้ายเกิดเป็นความผิดพลาดส่งผลจนถึงวันนี้
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาชนบอกว่าอยากจะช่วยเรา แต่รู้สึกวิตกหลังจากอ่านข่าวบางอย่างแล้วรู้สึกว่าจะสู้เขาได้หรือไม่ การเลือกตั้งในบรรยากาศแบบนี้และต้องเจอกับรัฐบาลแบบนี้ ประชาชนอย่าหวั่นไหว เพราะเขาจะใช้ทุกวิธีทาง และม.ร.ว.สุขุมพันธ์ถูกรุม ถูกดิสเครดิตมานานแล้ว อีกทั้งตอนนี้มาลากตนเข้าไปด้วยทั้งที่ตนไม่เกี่ยวด้วย คือการก่อสร้างสถานีตำรวจ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)บอกว่าพบหลักฐานสำคัญจึงต้องเรียกให้ตนมาชี้ แจง แต่ตนขอแนะนำว่าเรื่องของตำรวจควรเรียกตำรวจไปชี้แจง เพราะยุคนั้นตนไม่ได้เป็นโฆษกตำรวจ แต่ควรเอาโฆษกตำรวจในตอนนั้นไปชี้แจงเรื่องการทำทีโออาร์ ทั้งนี้ขอให้กลับไปดูประวัติศาสตร์ทางการเมืองว่าไม่มีใครใช้อำนาจ ใหญ่กว่าคนกรุงเทพมหานคร และคนกรุงเทพมหานคร ไม่ชอบคนที่กลั่นแกล้งคนอื่น แต่ต้องการการบริหารเมือง และการเมืองที่เอื้อต่อการบริหารเมืองเพื่อคนอื่นๆ ไม่ใช่การบริหารเมืองเพื่อเอื้อการเมือง รวมถึงต้องการผู้ว่าฯกทม.ที่กล้าปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่สามารถถูกสั่งซ้ายหันขวาหัน อีกทั้งต้องกล้าบอกกับรัฐบาลว่าคนกรุงเทพฯทนไม่ไหวกับปัญหารถติดที่เกิด จากนโยบายรถคันแรก และควรนำเงินที่เสียไปกับนโยบายรถคันแรกเอาไปสร้างรถไฟฟ้าอีก 2-3 สายให้กับคนกรุงเทพฯ ทั้งนี้ใครหาเสียงอะไรก็พูดได้ แต่ประชาชนควรดูว่าใครพูดขัดแย้งกันเองหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เวลาที่เหลือมีไม่มาก แม้ตนมั่นใจในชาวกรุงเทพมหานครแต่ก็ประมาทไม่ได้ เราต้องช่วยกันทำให้เห็นว่าทางเลือกมันชัด ดังนั้นเวลาที่เหลือทุกคนต้องช่วยพวกเราทำงาน ให้ประชาชนเห็นว่าเรากำลังจะเลือกอนาคตของเราอย่างไร อย่าหวั่นไหว เราจะทำงานหนักเพื่อให้ผู้สมัครของเราได้กลับมาทำงานปกป้องคนกรุงเทพมหานคร.
   


Written by

0 ความคิดเห็น: